เพราะถ้าหากพูดถึง Tablet ในปัจจุบันนี้ แบรนด์อันดับหนึ่งที่ฉีกเจ้าอื่นในตลาดได้อย่างกระจุยกระจายคงไม่พ้น ipad ของ Apple เพราะนอกจาก Feature การใช้งานที่เข้าใจง่าย และหลากหลายประโยชน์แล้ว Apple ยังแบ่ง Segmentation ของลูกค้าออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกไอแพดที่เหมาะสมกับการใช้งาน และ ราคาของตัวเองได้ ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 Steve Jobs ได้เปิดตัวไอแพดรุ่นแรก เพียงรุ่นเดียวที่มีราคามหาโหด โดยจ็อบส์ได้ให้นิยาม ipad เอาไว้ว่า เป็นอุปกรณ์ที่ดีกว่าทั้งไอโฟน และ แลปท็อป แต่เมื่อเอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรในการทำงานนอกไปจากการใช้งานด้านความบันเทิงเสียมากกว่า ก็เลยกลับกลายดูเหมือนว่าเอาไอโฟนมาขยายหน้าจอแทนที่จะเป็นแลปท็อบ แต่ ณ วันนี้ไม่ใช่อีกต่อไป เพราะนับจากวันเปิดตัว ipad วันแรกมาจนถึงตอนนี้ ipad ในปัจจุบันมีความใกล้เคียงกับอุปกรณ์ชิ้นนั้นที่จ็อบส์ได้นิยามเอาไว้มากที่สุดแล้ว โดยพัฒนาทั้ง software และ hardware มาเรื่อย ๆ จากวันนั้น เป็นเวลากว่า 9 ปี วันนี้ ipad ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว

กลยุทธ์อะไร? ที่ทำให้ ipad ก้าวสู่การ Disrupt วงการ Tablet ไปตลอดกาล
.

1. Innovation หรือ นวัตกรรม

เป็นสิ่งที่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ยากมาก การใส่ innovation เข้าไปในไอแพด นวัตกรรมที่ทำให้ไอแพดสามารถตอบโจทย์การใช้งานคือสิ่งที่แยกไอแพดออกจากตลาดแท็บเล็ตทั่วไป

2. ขายความ Privacy

ในยุคที่ข้อมูลมีค่ามากกว่าทองคำ ความเป็นส่วนตัว หรือการปกป้องข้อมูลของตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจกันหนักมากยิ่งขึ้น โดย Apple นั้นได้พยายามชูจุดเด่นนี้กับเราตลอดเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อใจและไว้วางใจใน Apple

3. เพิ่ม Multi-Function

แท็บเล็ตทั่วไปในตลาด จะมีสักกี่แบรนด์ที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องมี Process ใด ๆ ผ่านแล็บท็อปเลย เรียกได้ว่าแทบจะนับนิ้วได้ โดยเอาเข้าจริง ๆ แล้ว แบรนด์ที่ทำได้ก็ไม่ได้มีความเสถียรอะไรมากมาย นอกจากไอแพดของApple แล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีแท็บเล็ตของแบรนด์ไหนที่สามารถใช้งาน Multi-Function

4. แบ่ง Segmentation

Apple ออกไอแพดตัวแรกมาเมื่อเกือบสิบปีก่อนเพียงรุ่นเดียว และมีราคาแพงมาก ทำให้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมา Apple เริ่มแบ่งSegmentation ของลูกค้า โดยการตัดคุณสมบัติบางอย่างออกและลดราคา เพื่อทำให้กับคนที่ไม่ต้องการใช้ไอแพดในการทำงานอย่างจริงจัง จึงเป็นที่มาของการออก ipad Pro(สำหรับผู้ใช้ทำงานแบบเต็มรูปแบบ) ipad air(สำหรับผู้ที่เน้นความบันเทิง) ipad mini(สำหรับผู้ที่ชอบแท็บเล็ตขนาดเล็ก) ipad 9.7(สำหรับนักศึกษา หรือ ผู้ใช้งานที่ต้องการจดบันทึก และใช้งานไม่หนักมาก)

อนึ่ง ถึงแม้ว่าตัวipad Pro จะสามารถทำงานทุกอย่างได้ใกล้เคียงคอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ของ Apple เลยคือเรื่องของราคา ซึ่งตัวเริ่มต้นนั้นก็มีราคาสูงพอ ๆ กับโน๊ตบุ๊ควินโดว์สเปคกลางค่อนไปทางแรงเลย ซึ่งต้องดูกันต่อไป ว่าในอนาคต Apple จะสามารถดึงฐานลูกค้าที่เริ่มออกมาบ่นกันหนาหูมากยิ่งขึ้นเรื่องของความแพงได้หรือไม่ ถ้าหากว่ามีกรณีศึกษาอะไรด้านกลยุทธ์การตลาด #นินจาพาวิเคราะห์ ของเราก็จะมาเหลาให้ท่านได้อ่านกัน อย่าลืมติดดาวที่เฟสบุ๊คแฟนเพจไว้ด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาด content ใหม่ ๆ จากพวกเรา