นับเป็นข่าวใหญ่ ข่าวด่วน ที่เหล่านักการตลาด หรือพ่อค้าเเม่ค้าออนไลน์ต้องรู้!!! ในตอนนี้ Facebook ได้ออกมาระบุว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2021 นี้เป็นต้นไป โฆษณาบน Facebook ในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7% เอาเเล้วสิ สงสัยไหมครับว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาเรียกเก็บภาษี VAT 7%
คำถามต่อมาก็คือ แล้วตกลงบุคคลธรรมดาอย่างเราต้องจ่ายจริง ๆ ไหม ? เป็นเรื่องของบริษัทจดทะเบียนอย่างเดียวเหรือเปล่านะ ? แล้วเรื่องราวนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ? ทำไมอยู่ดี ๆ ก็ต้องมาจ่ายด้วย ? ถ้าอยากรู้เเล้ว ตามผมมาเลยครับ มีทุกคำตอบอยู่ที่นี่แล้ว
ผมจะ #สรุปให้ในโพสต์เดียว
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
1. ในวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากกฎหมาย e-Service ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการจากต่างประเทศและแพลตฟอร์มต่างประเทศ ที่ให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับกรมสรรพากร โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เเละในขณะนี้ผู้ให้บริการเเพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติในไทยก็ทยอยกันมาลงการเสียภาษีผ่านระบบ VES (VAT for Electronic Service) ของกรมสรรพากร อย่างต่อเนื่อง
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
2. อธิบดีกรมสรรพากร ได้บอกไว้ว่า จากการศึกษาตัวอย่างของประเทศที่เริ่มจัดเก็บภาษี e-Service ไปแล้ว 60 ประเทศทั่วโลก พบว่าภาษี e-Service จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันมากขึ้น เช่น ที่ผ่านมาคนไทยที่ทำธุรกิจออนไลน์และมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่แพลตฟอร์มต่างชาติกลับไม่เคยต้องเสีย ดังนั้น การมีภาษีตัวนี้ขึ้นมานอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ ก็จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย และอาจจูงใจให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ หรือกระทั่ง Unicorn ของไทยก็เป็นได้
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
3. ทางกรมสรรพากรนั้นมองว่า การเรียกเก็บ VAT กับ e-Service จะเป็นหนึ่งในหนทางในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งทางสรรพากรเองก็คาดว่าการจัดเก็บภาษีนี้ จะสร้างรายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ไว้ที่ 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
4. ซึ่งทั้งนี้ ทั้งนั้น บริการทางออนไลน์เองก็มีเเนวโน้มที่จะโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากกว่า 75 % ทั้งการดูหนัง ฟังเพลงผ่านช่องทางออนไลน์ การซื้อขายเพลงออนไลน์นั้นเติบโตขึ้นถึง 9% การซื้อขายเกมส์ก็เติบโตขึ้นถึง 7.8% เเละโฆษณาออนไลน์เองก็โตขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มา ทำให้ในจุด ๆ นี้ในอนาคตจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดีให้กับประเทศ
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
5. เเละถ้ามองในอีกมุมมองหนึ่ง การเก็บภาษีออนไลน์กับบริษัทไอทีต่างชาตินั้นก็มีส่วนช่วยในการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการในไทย อย่างที่บอกไปว่า บริษัทออนไลน์ไหนในไทยที่มีเเนวโน้มของธุรกิจเติบโตไปในทางที่ดี บริษัทเหล่านี้ก็ต้องเสีย VAT เป็นเรื่องปกติอยู่เเล้ว ในขณะที่เเต่ก่อนนี้บริษัทต่างชาตินั้นไม่ต้องเสีย VAT ในการดำเนินธุรกิจเลย ในกรณีนี้เลยถือว่าเป็นการช่วยสร้างความเท่าเทียมในไทย
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
6. โดยเงื่อนไขการเก็บภาษีนี้นะครับ จะมีผลต่อผู้ลงโฆษณาที่ตั้งค่า ‘เป้าหมายการขาย’ กับธุรกิจหรือที่อยู่ใด ๆ ก็ตามที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และในการตั้งค่าการชำระเงิน ผู้ใช้จะต้องเพิ่มหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นการแสดงบนใบเสร็จค่าโฆษณา
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
7. ดังนั้นสิ่งที่ผู้ใช้โฆษณา Facebook ต้องทำ คือ ไปกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ทุกคน ย้ำว่าทุกคน ในหน้าตั้งค่าการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม และไม่ว่าจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเอาไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องกรอกทุกคน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
8. เพราะอะไรถึงต้องกรอก ประเด็นอยู่ตรงนี้ สำหรับผู้ที่เพิ่มหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีไว้แล้ว ทาง Facebook จะไม่บวก VAT ในการซื้อโฆษณาบน Facebook ของผู้ใช้ หมายถึง ใช้เท่าไหร่ เสียเงินเท่านั้นตามที่ซื้อ
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
9. แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบในการประเมินตนเองและการจ่าย VAT ภายใต้การเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยเอง (นั่นก็คือ ภพ.36) ซึ่งถ้าเราไม่ได้มียอดขายถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือ ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเอาไว้ ถึงกรอกไปเพื่อจะหลบเลี่ยงโดนเก็บเพิ่มจาก Facebook ทันที แต่ก็จะต้องจ่ายภาษีนี้อยู่ดี เพราะเชื่อว่าสรรพากรคงหาทางเก็บย้อนหลังจากคนที่กรอกเลขภาษี (แต่ไม่ยอมไปยื่นภพ.36 จ่ายภาษีเพิ่ม) ได้อยู่ดี
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
10. ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้เพิ่มหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี จะมีการเรียกเก็บ VAT เพิ่มทุกครั้งที่ผู้ใช้ถูกเรียกเก็บค่าโฆษณา ไม่ว่าจะซื้อโฆษณาบน Facebook เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือส่วนตัวก็ตาม และในการเรียกเก็บเงิน ผู้ใช้งานจะไม่ถูกเรียกให้ชำระเงินเร็วขึ้น แต่อาจถูกเรียกเก็บเงินมากกว่าเกณฑ์การชำระเงิน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
11. สรุปคือ Facebook จะบังคับให้เราต้องกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเพิ่ม ถ้าไม่กรอกก็ต้องจ่ายเพิ่ม 7% สถานเดียว แต่ถ้ากรอกแล้วเลขประจำตัวผู้เสียภาษีนั้น ไม่ได้อยู่ในฐานการชำระภาษี 7% (ยอดขายไม่เกิน 1.8 ล้านบาท และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ อันนี้เพิ่มเติมก่อนว่า อาจโดนเรียกเก็บย้อนหลังก็เป็นได้)
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
12. แล้วบุคคลธรรมดาจะไปเอาเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมาจากที่ไหน ถ้าจะลองเอามากรอกเพื่อให้ Facebook ไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม 7% คำตอบก็คือ ใช้เลขตามบัตรประจำตัวประชาชนได้เลย แต่ย้ำอีกทีนะว่า น่าจะโดนเรียกเก็บย้อนหลังถ้าจะลักไก่กรอกไป
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
13. ซึ่งไม่ใช่แค่ Facebook รายเดียวเท่านั้น ผู้ให้บริการ Social Media ต่าง ๆ ในไทย อย่างเช่น Google, TikTok เอง ก็ต้องเรียกเก็บค่า VAT 7% ตามกฎหมาย e-Service นี้เพิ่มเช่นกัน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
14. แล้วใครบ้างน่าจะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ คำตอบที่ชัด ๆ ก็จะเป็นภาครัฐ ที่เก็บภาษีในส่วนนี้เพิ่มขึ้น ส่วน Facebook และ Social Media อื่น ๆ ที่เข้าข่ายกฏหมาย e-Service ไม่ได้เสียประโยชน์ใด ๆ จากเรื่องนี้ เพราะเรียกเก็บเพิ่มจากผู้ใช้งาน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
15. ส่วนกรณีของธุรกิจที่ซื้อสื่อบน Facebook Ads และ Social Media อื่น ๆ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ เพราะเดิมที ธุรกิจที่ซื้อสื่อเหล่านี้ ก็นำต้นทุนนี้มาหักค่าใช้จ่ายกันเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งแต่ก่อนยังไม่มีกฎหมาย e-Service นี้ การจะนำต้นทุนนี้มาหักค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้ ก็จะต้องใช้วิธีจ่ายเงิน VAT 7% ให้รัฐบาลเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าโฆษณาที่สื่อต่าง ๆ เรียกเก็บมา ผ่าน ภพ.36
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
16. ดังนั้นตามข้อ 8 ที่ระบุว่าธุรกิจที่เพิ่มเลขประจำตัวผู้เสียภาษีไว้แล้ว ทาง Facebook จะไม่บวก VAT ในการซื้อโฆษณา ธุรกิจนั้นจะได้ประโยชน์ไม่ต้องจ่าย VAT ก็ได้หรือไม่นั้น คำตอบอยู่ที่ข้อที่ 15 คือ ถ้าเค้าจะเอาต้นทุนนี้มาหักค่าใช้จ่าย ก็จะต้องไป ก็ต้องไปยื่น ภ.พ. 36 และนั่นก็หมายถึงก็ต้องจ่าย VAT อยู่ดี
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)
17. หากใครกำลังสงสัยว่า ทำไมการนำต้นทุนนี้มาใช้หักค่าใช้จ่ายทางบัญชีถึงสำคัญมากจนต้องยอดจ่ายภาษี VAT 7% เพิ่มเข้าไป ก็ต้องบอกว่า มันมีผลต่อตัวเลขกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทางบัญชี เพราะหลังจากนั้น มันจะนำไปคิดภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมันมีตัวเลขถึง 20% ของกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายเลยทีเดียว (กรณี SME ที่ยอดขายไม่ถึง30 ล้านบาทต่อปี จะไม่เสียภาษีนี้ หากกำไรไม่เกิน 300,000 บาท หากเกินก็จะมีภาษีแบบขั้นบันได)
ถ้าเกิดใครมีข้อสงสัยหรือมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเก็บภาษีทาง Facebook เขาไม่สามารถให้คำแนะนำด้านภาษีได้นะครับ ผมเเนะนำว่าให้ติดต่อกรมสรรพากรในประเทศไทยดีกว่า เพื่อความเข้าใจเเละความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล
เสาร์นี้ เวลา 17.30 น. ผมจะมาอธิบายเรื่องนี้ในไลฟ์นะครับ
มาฟังพร้อม ๆ กันได้ที่นี่
https://fb.me/e/5m1HIsVk1
สามารถติดตามเนื้อหาสุด Exclusive ของนินจาการตลาดที่ไม่ได้ลงที่ไหนและคอร์สเรียนฟรี ให้พิเศษเฉพาะใน Facebook กลุ่มปิด “Digital Media Planning” คลิกไปขอเข้าร่วมได้เลย มีอัปเดตเนื้อหาอยู่ตลอด
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-50x37.5.png)