Ep.3 : ทีมงานจะคุยกับผู้บริหาร หรือผู้ประกอบการคุยกับเอเจนซี่ จะไปได้ดีต้องใช้ภาษาเดียวกัน.
ผ่านไปแล้ว 20 ศัพท์ จาก Ep.1 และ Ep.2 ที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว วันนี้มาเรียนรู้เพิ่มอีก 10 คำศัพท์นะครับ
.
อ่าน – “100 ศัพท์ต้องห้าม (พลาด) สำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล Ep.1”
.
อ่าน – “100 ศัพท์ต้องห้าม (พลาด) สำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล Ep.2”
.
“คุยอะไรกัน ภาษาต่างดาวเหรอเนี่ย”
ถ้าคุณเคยต้องดิวงานด้านการตลาดอยู่ แล้วมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ ต้องรีบอ่านเนื้อหาที่นินได้นำมาให้ในวันนี้ทันทีเลยนะครับ
หลายครั้งที่การทำงานด้านการสื่อกสารการตลาดดิจิทัล หรือพูดง่ายๆ ว่าการทำตลาดออนไลน์ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวัง มีผลมาจากการทำงานที่ไม่เข้าใจกัน ทั้งลูกน้องกับหัวหน้าเอง หรือแม้แต่ตัวเจ้าของกิจการกับเอเจนซี่
.
คนนึงพูดด้วยภาษาการตลาดดิจิทัล อีกคนไม่เข้าใจนัยยะของมัน ซึ่งหลายๆ คำ ไม่สามารถอธิบายได้ในประโยคเดียว บางคำถึงขั้นต้องมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนเลยทีเดียว ถึงจะเข้าใจ
.
วันนี้นินเลยขอรวบรวมคำศัพท์การตลาดยุคใหม่ (ดิจิทัล) ที่สำคัญๆ มาเล่าให้พวกเราเข้าใจกัน เพื่อการพัฒนาของกิจการและการทำงานที่ยังยืนด้านการสื่อสารดิจิทัล
นินขอเริ่มจากคำแรกเลยนะครับ
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Call to Action.
คำนี้หมายถึงการกระทำที่เราคาดหวังให้ลูกค้ากระทำสิ่งนั้น เมื่อมีการสื่อสารการตลาดเกิดขึ้น เช่น การ กดเข้าไปสู่ลิงค์ หลังจากที่ได้อ่านหรือดูสื่อของแบรนด์ที่นำเสนอไปแล้ว
.
การคลิกไปยัง inbox หลังจากที่ได้เสฟสื่อแล้ว เพื่อสอบถามรายละเอียด หรือพูดคุยกับแบรนด์ที่เป็นผู้นำเสนอสื่อนั้นๆ
.
การพิมพ์คอมเม้นท์โพสต์นั้นๆ หากเนื้อหาของสื่อในโพสต์นั้นๆ ระบุให้กระทำการคอมเม้นท์ขึ้น
.
Call to Action ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องมีและชี้นำให้ผู้เสพสื่อตอบสนองกับ Call to Action ทุกครั้งไม่ว่าจะสื่อสารอะไรก็ตาม เพราะถือว่าเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นที่จะทำให้เราทราบว่าการสื่อสารครั้งนั้นประสบความสำเร็จในระดับเบื้องต้นมากน้อยขนาดไหน
.
สิ่งที่ผู้นำเสนอสื่อควรต้องพึงระวังคือ ต้องทำให้ผู้เสพสื่อสามารถเข้าถึงการกระทำนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก หรือซับซ้อนเกินไป
.
เพื่อเอื้อให้การกระทำนั้นๆ เกิดขึ้น การทำ Call to Action จึงมีหลากหลายวิธีการ ดังจะยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
.
การแสดงลิงค์ท้ายเนื้อหาเพื่อให้ผู้เสพเนื้อหานั้นกดเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการ
.
การสร้างปุ่ม ที่มีความโดดเด่นมาก และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้
.
ตัวอย่างข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง Call to Action ของนินตัวหนึ่งที่ทำอยู่เสมอ คือการเชิญชวนให้ผู้ใช้งานเว็บนินจาการตลาด สามารถติดตามความรู้ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว้
อัพเดตความรู้ด้านการสื่อสารการตลาดยุคใหม่ได้ที่ LINE@ นินจาการตลาด
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Facebook Pixel.
คำนี้หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังมากันบ้างแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของศัพท์คำนี้จริงๆ เสียที ยิ่งถ้าพูดถึงวิธีการทำด้วยแล้ว อันนี้บางคนรู้สึกไกลตัวไปเลย
.
ลองนึกถึงตอนที่เราเข้าเว็บหรือแอป E-Commerce อย่าง Lazada ได้ไหมครับ เมื่อเราสนใจสินค้าสักตัวแล้วเข้าไปดูข้อมูลสินค้านั้นๆ ในเว็บหรือแอป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตัดสินใจซื้อมัน และออกจาก Platform ไปในที่สุด
.
และเมื่อเรามาเล่น Facebook ก็พบว่าสินค้าตตัวนั้น รุ่นนั้นของร้านนั้น มาแสดงเป็นโฆษณาให้เราได้เห็นอีกครั้ง
.
สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ Facebook Pixel ทำได้
.
Facebook Pixel เป็น Code ตัวหนึ่งครับ ที่ถูกสร้างมาจาก Facebook Account ของแต่ละคนได้เลย ซึ่งแต่ละ Account ก็จะมี Code ที่แตกต่างกันไป โดย Code ชุดนี้จะต้องนำเอามาติดหรือฝังเอาไว้บนเว็บไซต์ครับ ใช่ครับ Facebook Pixel ทำงานร่วมกับเว็บไซต์ครับ
.
โดยจะต้องติดไว้ทุกๆ หน้าของเว็บไซต์ครับ ถ้าเว็บคุณมี 1,000 หน้า ก็ควรต้องติด 1,000 หน้าครับ (ด้วย Code แบบเดียวกันทุกๆ หน้าเลย)
.
แต่ที่นิยมติดกันจริงๆ แล้วนั้น มักจะนิยมติดกันที่ส่วน Hader ของเว็บไซต์ครับ เพราะ Hader จะเป็นส่วนที่แสดงอยู่ทุกๆ หน้าของเว็บไซต์อยู่แล้ว ดังนั้น เราติด Facebook Pixel เพียงที่เดียวบน Hader ทุกอย่างก็ง่ายเลยครับ เหมือนดั่งว่า เราได้ติด Facebook Pixel ไว้ทุกๆ หน้าของเว็บไซต์แล้ว
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Cookie.
คำนี้ไม่ได้หมายถึงขนมนะครับ แต่คำว่า Cookie นี้ เป็นเรื่องเดียวกันกับศัพท์คำก่อนหน้านี้เลย (Facebook Pixel) ซึ่ง Cookie หมายถึงการนำเอา Code ไปฝังไว้ตามเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ผู้ที่เปิดเว็บนั้นๆ ได้รับ Code ที่ฝังไว้โหลดเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ เครื่องมือถือไปด้วย
.
คือ ทุกครั้งที่เราเข้าเว็บไซต์ใดๆ หลักการมันคือการโหลดเอาข้อมูลของเว็บไซต์นั้นเข้ามาในเครื่องของเรา ซึ่งเมื่อข้อมูลภาพและเสียงนั้นโหลดมา จะถูกโหลดมาพร้อมๆ กับ Cookie Code ด้วย
.
ซึ่งไอเจ้า Cookie Code นี้ เราจะไม่สามารถมองเห็นได้ผ่านการดูหน้าเว็บไซต์ปกติครับ พูดให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ มันฝังตัวมาพร้อมกับข้อมูลทั้งหมดที่โหลดเข้าเครื่องเรามานั่นเอง
.
ทีนี้เอง เจ้าของเว็บ สามารถเก็บข้อมูลของผู้ที่เข้าเว็บหน้าต่างๆ นำมาใช้เป็นฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อใช้สำหรับการยิงโฆษณาด้วย
.
ฟังดูแล้ว Facebook Pixel เอง ก็เป็น Cookie ประเภทหนึ่งด้วยเช่นกัน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Retarketing.
ศัพท์คำนี้ เป็นศัพท์ที่ต่อเนื่องมาจากศัพท์สองสามคำก่อนหน้าเลยครับ การยิงโฆษณาไปหาผู้คนที่เราเก็บฐานข้อมูลจากการเข้าเว็บไซต์นั่นเองที่เรียกว่าการ Retargeting
.
ซึ่งการ Retargeting นั้นยังรวมถึงการเก็บข้อมูลอื่นๆ นอกจากแค่การเก็บข้อมูลจากผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เท่านั้นอีกด้วย เช่น ผู้ที่มีส่วนร่วม (Engagement) กับเพจ หรือ ผู้ที่รับชมคลิปวิดีโอ เป็นต้น
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Remarketing.
คำที่มาคู่กันกับคำว่า Retarketing ก็คือคำว่า Remarketing คำสองคำนี้ มีความหมายเหมือนกันเลยครับ เพียงแต่ต่างกันที่ Platform ก็คือ Retarketing ใช้กับ Facebook ส่วน Remarketing ใช้กับ Google นั่นเอง
.
ซึ่งในฝั่ง Google ก็จะต้องมี Code ไปฝังไว้ในเว็บไซต์เช่นเดียวกับ Facebook Pixel ครับ
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Saved Audience.
Saved Audience ในภาษาไทยเรียกว่า กลุ่มเป้าหมายที่บันทึกไว้ ศัพท์นี้ ถ้าใครเคยยิงโฆษณาบน Facebook น่าจะพอคุ้นเคยกันบ้างนะครับ แต่ถ้ายังไม่เคยก็ลองมาฟังพร้อมๆ กันตรงนี้เลยว่าคืออะไร
.
โดยปกติแล้วเราจะต้องทำการเซ็ตกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้โฆษณาของเราไปแสดงต่อกลุ่มคนเหล่านั้น ซึ่งต้องทำการตั้งค่าในระดับ Ad Set
.
ทีนี้ หากเราเซ็ตกลุ่มเป้าหมายไว้แล้ว อยากจะบันทึกเก็บไว้ มันก็จะมีปุ่มให้บันทึกไว้ ซึ่งเมื่อบันทึกแล้ว มันก็จะเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นไว้ในบัญชีของเรา
.
หากครั้งหน้าต้องการที่จะยิงโฆษณาหาคนกลุ่มนี้อีกครั้ง ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปตั้งค่า เช็ตค่า ใหม่อีกครั้งเลยครับ
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Custom Audience.
Custom Audience ในภาษาไทยเรียกว่า กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง
.
อันนี้สืบเนื่องจากการฝัง Facebook Pixel ไว้บนเว็บไซต์ ซึ่งหากเราต้องการจะดึงเอา Audience เหล่านั้นมาใช้ จะต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Custom Audience ของ Facebook มาใช้ครับ
.
ซึ่งนอกจาก Custom Audience ที่มาจากการเก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์แล้ว ยังรวมถึงจากแหล่งอื่นๆ ด้วย เช่น ผู้ที่ชมคลิปวิดีโอ หรือผู้ที่มีส่วนร่วมกับเพจ
.
จะเห็นว่า การจะทำการ Retargeting ได้ จะต้องทำการเซ็ต Custom Audience ก่อนนั่นเอง
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Lookalike Audience.
Lookalike Audience แปลเป็นไทยว่า กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจครับ
.
Lookalike Audience เป็นการหากลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เรามีฐานข้อมูลไว้ เช่น การนำเอา Save Audience มาใช้ขยายหาผู้คนที่มีความใกล้เคียงในเชิงพฤติกรรมมากๆ มาใช้สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อให้ได้ผลโฆษณาที่แม่นยำมากโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงไปเซ็ตหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ
.
ซึ่ง Custom Audience เองก็เป็น กลุ่มเป้าหมายหลักที่นิยมใช้มาทำ Lookalike Audience ด้วยเช่นกัน
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Text Overlay.
ตัวอักษรที่ซ้อนทับอยู่บนภาพ หรืออยู่บนภาพปกของคลิปวิดีโอ
.
ซึ่งเป็นการควบคุมของ Facebook เพื่อไม่ให้ภาพต่างๆ ที่ถูกโพสบน Facebook มีแต่ตัวหนังสือมากเกินไป จนทำให้ผู้คนไม่อยากเข้ามาใช้งาน
.
ซึ่ง Text Overlay จะถูกกำหนดไว้ให้ผู้ยิงโฆษณาสามารถมีตัวอักษรข้อความบนรูปภาพหรือภาพปกในวิดีโอ ได้ไม่เกิน 20%
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-100x75-e1550568289115.png)
Cost per ....
ตัวเลข KPI ที่จำเป็นต้องติดตามเพื่อวัดผลของการโฆษณาครับ โดยอิงเอาราค่าต่อการกระทำที่เกิดขึ้นของกลุ่มเป้าหมายที่เรายิงโฆษณาไปเป็นตัวชี้วัด
.
เช่น
.
Cost per Reach: ราคาต่อการเข้าถึง
.
Cost per Engagement: ราคาต่อการมีส่วนร่วม
.
Cost per View: ราคาต่อการรับชมวิดีโอ
.
Cost per Purchase: ราคาต่อการสั่งซื้อสินค้า
.
ใครอยากติดตามศัพท์ตัวอื่นๆ กดไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยครับ
.
อ่าน – “100 ศัพท์ต้องห้าม (พลาด) สำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล Ep.1”
.
อ่าน – “100 ศัพท์ต้องห้าม (พลาด) สำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล Ep.2”
.
สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เรื่องนี้แบบการฟังการอธิบาย จาก อ.ออดี้ ก็สามารถรับชมรับฟังผ่านคลิปที่ อ.ออดี้ได้ LIVE เอาไว้ ได้เลยนะครับ
.
ในรายการทุ่มวันพุธติดอาวุธการตลาด ที่เพจนินจาการตลาด
.
ตอน “100 ศัพท์ต้องห้าม (พลาด) สำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล Ep.3”
[ข้ามไปชมศัพท์แรกนาทีที่ 4:07]
ได้เรียนรู้ศัพท์การตลาดดันไปเบื้องต้นกันถึง 10 ตัวเลยครับสำหรับ Blog นี้ ติดตามนินจาการตลาดไว้นะครับ จะเอามาฝากเพิ่มเร็วๆ นี้
![นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/line-0-Small-200x150-e1550567982108.png)
![อ.ออดี้-กิตติชัย นินจาการตลาด](https://www.ninjakantalad.com/wp-content/uploads/2019/02/Profile02V2.png)