ถ้าเปลี่ยนจาก LINE@ เป็น LINE Official Account แล้ว แปลว่า SME รายย่อยอย่างเราจะสามารถสร้างสติ๊กเกอร์ให้ผู้ใช้โหลดฟรีได้แล้วเหรอ..? ถ้าได้อย่างนั้นจริงๆ มันจะดีแค่ไหนกัน..?

LINE หนึ่งใน App ยอดฮิตในประเทศไทย
.
สืบเนื่องจากคราวที่แล้ว ที่พูดวิเคราะห์กันในเรื่องของ LINE@ และ LINE Official Account ที่กำลังจะ merge รวมกันในวันที่ 18 เม.ย. นี้
.
วันก่อนได้อธิบายไปแล้วว่ามันจะส่งผลดีขึ้นหรืออาจส่งผลแย่ลงกับธุรกิจของเราแค่ไหน วันนี้นินจาการตลาดเลยอยากจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ก็เลยไปลองหาข้อมูลมาเล่าให้ฟัง
.
ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้ว ก็คลิกไปอ่านกันนะครับ
เรื่องต้องรู้ – เมื่อ LINE@ ผสานรวมกับ LINE Official
.
LINE Application ถือว่าเป็น appยอดฮิตในไทยตัวหนึ่งเลย ติดหนึ่งใน 3 Social Media Application ที่มีผู้ใช้เยอะที่สุดในประเทศไทย เรียกได้ว่าใครมีมือถือก็ต้องโหลดติดไว้ทุกคน
.
ในส่วนของ LOA (LINE Official Account) ซึ่งรวมถึง LINE@ ส่วนใหญ่ก็จะใช้ใน ธุรกิจ ร้านค้า อาหารและเครื่องดื่มรวมกันถึง 87%
ก่อนที่จะไปวิเคราะห์กันต่อ นินจาการตลาดอยากจะเล่าประวัติของการเกิดขึ้นของทั้ง LOA และ LINE@ สักเล็กน้อย
.
3 ช่วงเวลา การพัฒนาที่ยิ่งก้าวยิ่งไกลของ LINE ในประเทศไทย

ช่วงแรก ช่วงการเปิดตัว LOA ให้แก่ศิลปินและดาราในการสื่อสารกับแฟนคลับ
.
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ทำการทดสอบพฤติกรรมของผู้บริโภคก่อน ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นการชิมลางให้แบรนด์ใหญ่ได้เห็นถึงพลังของ LOA ว่าสามารถสร้าง Impact ได้ดีเพียงไร
.
และก็เป็นอย่างที่คาด LOA ที่เปิดมาในช่วงแรกโดยเน้นที่ดาราคนดังที่ใช้สื่อสารกับแฟนๆ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง

ช่วงที่ 2 เริ่มขาย LOA ให้กับแบรนด์ใหญ่ที่มีงบประมาณการตลาดมากๆ
.
ลักษณะการใช้งานแบบเดียวกันกับ LOA ที่ใช้เปิดตัวกับดารานักแสดงในช่วงแรก แต่มีฟีเจอร์หนึ่งที่เป็นฟีเจอร์ที่สร้างให้เกิดกระแสติดตาม LOA ของแบรนด์นั้นๆ เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณในช่วงเวลาอันสั้น
.
นั่นก็คือการเพิ่มฟีเจอร์ในส่วนของ LINE Sticker เข้ามา (เป็นแพ็คเกจจ่ายเพิ่ม ที่สามารถใช้ร่วมกับ LOA ได้) โดยเน้นไว้เพื่อจุดประสงค์ในการทำ CRM (การบริหารลูกค้าสัมพันธ์) เป็นหลัก แต่กลับได้ผลลัพท์เกิดคาดในการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามบัญชีของแบรนด์นั้นๆ

LOA จะเน้นไปในเชิง CRM แต่ LINE@ จะไปอยู่ในช่อง Consideration จนไปถึง Re-Purchase ของ Customer Journey

ช่วงที่ 3 การกำเนินของ LINE@ เพื่อ SME
.
หลังจากที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้วสักระยะ ก็หันมาเอาใจกลุ่ม SMEs รายย่อยบ้าง โดยใช้ชื่อบัญชีว่า LINE@ โดยจะเริ่มเน้นไปที่ การทำการสื่อสารในช่วงกลางๆ ของ Customer Journey หรือ Purchase Funnel ในช่วง Evaluation หรือ Considerarion รวมถึงช่วงการตัดสินใจซื้อ (Purchase) ด้วย
.
LINE มีการใส่ใจและเข้าถึงลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มฟีเจอร์มากมาย แบบที่เรียกว่ามีทุกอย่างเกือบจะเหมือนที่ LOA มี แต่ SME รายย่อยจ่ายในราคาที่ถูกลงอย่างมาก
.
แต่ LINE@ ไม่สามารถซื้อแพ็คเกจสติ๊กเกอร์ได้อย่าง LOA ดังนั้นเวลาที่จะใช้ LINE@ หาคนติดตามเพิ่มขึ้นจึงอาจจะดูยากกว่าสักหน่อยเมื่อเทียบกับ LOA ที่มีสติ๊กเกอร์ดึงดูดใจให้มาติดตาม
SME ได้ประโยชน์มากขึ้นจากการพัฒนาของ LINE
.
จนมาถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทาง LINE Corp. ก็ได้พัฒนาในแนวคิด Closing the distance ขึ้น ซึ่งได้เกิดเป็นคอนเซ็ปที่เรียกว่า Redesign ในการใช้พลังของทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน (LOA และ LINE@) เพื่อที่จะทำการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
.
ซึ่งเราก็จะต้องมาดูกันว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฟีเจอร์ การคิดราคา จะมีผลกระทบกับธุรกิจในแต่ละแบบแค่ไหน ในวันที่ 18 เม.ย. นี้

LINE Marketing Strategy in Thailand, 18 เม.ย.19 จะผสานรวมด้วยแนวคิด Closing the Distance ภายใต้คอนเซ็ป Redesign
